ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะมาอยู่ในยุคที่เราต้องทำงานหาเงินเพื่อซื้อที่ตรวจ atk หรือชุดตรวจ atk เพื่อมาตรวจ atk ก่อนจะทำงาน หรือบางคนก็ตรวจสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งตามที่บริษัทหรือหน่วยงานกำหนด แต่ทุกคนต้องตรวจ atk ซึ่งเมื่อก่อนนั้นจะมีเฉพาะแบบที่แทงจมูก แต่ในระยะหลังการตรวจโดยใช้น้ำลายก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะเครื่องมือตรวจของ hip biotech ที่สามารถตรวจได้โดยใช้น้ำลาย ทำให้การใช้ hip biotech atk นั้นสะดวกสบายและได้ผลถูกต้องแม่นยำไม่แพ้แบบแทงจมูก
เราจะเห็นว่าการตรวจ atk เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราเสียแล้ว จากที่เราไม่เคยรู้จักและมองว่าการตรวจแบบนี้นั้นจะมีเฉพาะแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่พอมีโรคโควิดเกิดขึ้น การตรวจ atk จึงถูกนำมาวัดผลของการติดเชื้อหรือไม่ และที่สำคัญให้ความแม่นยำค่อนข้างสูงมาก ซึ่งต่างจากสมัยที่เกิดโควิดในยุคแรกๆนั้น การตรวจ atk เป็นเพียงการตรวจเบื้องต้นยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าติดเชื้อโควิดรึยัง ต้องตรวจในแลบอีกทีก่อนถึงจะยืนยันได้ว่าติดโควิดจริงๆ ถึงจะเข้าสู้กระบวนการรักษาของทางโรงพยาบาล
และกระบวนการในการรักษานั้น ในช่วงแรกๆก็ช่างเป็นเรื่องอะไรที่ดูค่อนข้างจะยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เสมือนว่าเชื้อโรคนี้ถ้าใครติดแล้วโอกาสเสียชีวิตสูง ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้วเราก็ยังไม่มีข้อมูลหรือประชาชนอย่างเราๆท่านๆเองก็ยังไม่มีข้อมูลเลยว่า อัตราการเสียชีวิตจากโควิดนั้นสูงหรือต่ำขนาดไหนเมื่อเทียบกับโรคอื่นๆที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ ได้แต่เดาข้อมูลจากการรับมือของทางภาครัฐ ซึ่งถ้าเดาจากกระบวกการๆรับมือของทางภาครัฐนั้น ช่วงแรกๆใน 3 ปีแรกการรักษาและตรวจตรานั้นเข้มข้นมาก ใครที่ติดจะต้องมีการสืบสวนโรค ไล่เรียงการใช้ชีวิตประจำวันว่าได้ไปที่ไหนบ้าง พบปะกับใครบ้าง ซึ่งสถานที่นั้นก็ต้องปิด คนใกล้ชิดก็ต้องถูกกักบริเวณ ถือว่าเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตมาก แต่ปัจจุบัน พอรู้ว่าใครติดโควิด จากการตรวจ atk ก็เข้าพบแพทย์ แพทย์ดูอาการถ้าไม่หนักก็รับยาแล้วกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งโดยส่วนมากก็รับยาแล้วกลับไปรักษาตัวที่บ้าน พอครบกำหนด ตรวจ atk ไม่ขึ้นแล้ว ก็สามารถมาทำงานได้ตามปกติ เสมือนว่าเป็นแค่โรคๆหนึ่งเท่านั้น รัฐไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการติดโควิดอีกต่อไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันเราเองก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครติดโควิดแล้วบ้าง อาจจะเป็นที่นั่งกินข้าวโต๊ะข้างๆคุณก็เป็นได้ เพราะบางคนอาการไม่รุนแรงก็ออกมาใช้ชีวิตประจำวันปกติ เที่ยว กิน ปกติ นั่นแสดงให้เห็นว่ายังไง มันแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันนั้น เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการติดเชื้อโควิดแล้ว เพราะถ้าติดก็รับยากลับบ้าน แล้วก็สามารถออกมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ทั้งๆที่หมอก็ให้กักตัวอยู่ในบ้าน อยู่ในห้องคนเดียว แต่เชื่อเถอะว่า มันต้องมีบางคนที่ไม่เชื่อหมอไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นหรือไม่จำเป็น ถึงจะมีเชื้อโควิดอยู่ก็ออกมาใช้ชีวิตประจำวันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น